กรณีที่ผู้ขับขี่อยู่ในสภาพมึนเมาจากสุราแล้วขับรถ ในหลายๆครั้ง ไม่ได้เป็นการพาตัวเองไปได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่อาจพาผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นเสียชีวิตไปด้วยก็เป็นได้ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ทำด้วยความประมาทและไม่มีสำนึกรับผิดต่อสังคมอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุนี้ในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยจึงได้มีการแก้กฎหมายเมาแล้วขับให้รุนแรงขึ้น
วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีได้อนุมัติ พ.ร.บ.จราจรฉบับใหม่ พร้อมเพิ่มบทลงโทษกรณีเมาแล้วขับให้แรงขึ้น โดยจากเดิมจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท เพิ่มบทลงโทษใหม่ คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับขั้นต่ำ 10,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
ถ้าเกิดเหตุจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายไม่ว่าจะทั้งร่างกายหรือจิตใจ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับเป็นเงินอีกจำนวน 20,000-100,000 บาท รวมทั้งพักใบอนุญาตขับไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือาจถูกเพิกถอนไปเลย
ถ้าเมาแล้วขับจนผู้อื่นได้รับอันตรายอย่างหนัก มีโทษเพิ่มขึ้น คือ จำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนไปเลย แต่ถ้าขั้นร้ายแรงที่สุด คือ บุคคลผู้นั้นถึงแก่ความตาย พบโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณรู้ตัวว่าจะต้องขับขี่รถยนต์ก็ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เลยจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยต่อทั้งตัวเราเอง และเพื่อนร่วมทาง ตามกฎหมายแล้วหากตรวจพบว่าใคร มีแอลกอฮอล์ เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะถูกเรียกเพื่อขอตรวจวัดทันที เมื่อพบค่าเกินนี้ถือว่ามีความผิด
อัตรามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์แบบง่ายๆ ที่นักดื่มทั้งหลายควรรู้ไว้
- เบียร์ 1 กระป๋อง มี แอลกอฮอล์ 330 มิลลิกรัม
- ไวน์ 1 แก้ว มี 100 มิลลิกรัม
- เหล้า 3 ฝา มี 30 มิลลิกรัม
- 1 แก้วดื่มมาตรฐาน มีเครื่องดื่มอันผสมด้วยแอลกอฮอล์ประมาณ 10 กรัม
- 1 ดื่มมาตรฐาน ใช้เวลา 1 ชั่วโมงร่างกายจึงจะขับออก
ซึ่งกฎหมายเหล่านี้ถูกบัญญัติขึ้นมา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน จะได้ไม่เกิดเหตุอันน่าเศร้าสลดตามข่าวที่ออกมามากมาย อีกทั้งยังมีที่ไม่เป็นข่าวอีก เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว นักดื่มทั้งหลายควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เมื่อดื่มก็ไม่ควรขับขี่เด็ดขาด แต่ถ้ามีความจำเป็นในการเดินทางจริงๆ ก็อาจเรียกใช้บริการรถ Taxi , ไปรถเพื่อน , หาคนดูแลที่ไม่ดื่มมาด้วย 1 คน หรือหาที่พักพร้อมดื่มน้ำเปล่าจำนวนมาก นอนพักล้างหน้าล้างตา เพื่อให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติก่อนจะดีที่สุด อย่าสนุกจนลืมคิดถึงความปลอดภัยของทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมเดินทางด้วยนะ