หนึ่งในปัญหาใหญ่สุดของท้องถนนในบ้านเรานั่นก็คือ เรื่องความเร็วของผู้ใช้รถใช้ถนน แน่นอนว่าเรามีการจำกัดความเร็วของรถบนท้องถนนเอาไว้แล้ว แต่คนขับรถหลายคนก็ไม่เข้าใจข้อห้ามตรงนี้ยังเลือกที่จะขับรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ต้องมีการกำหนดบทลงโทษเรื่องความเร็วเอาไว้ด้วยเพื่อลงโทษผู้ขับขี่เร็วเกินไป
ยิ่งเร็ว ยิ่งอันตราย ยิ่งบาดเจ็บ
ความเร็วบนท้องถนนที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นมีอยู่สามกลุ่มด้วยกัน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์จะใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สองกลุ่มรถบนทุกน้ำหนักรวม 1,000 กิโลกรัม กับ รถขนส่งผู้โดยสาร ขับความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ รถยนต์บรรทุกลากจูงรถพ่วง รถบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัม รถสามล้อจะอยู่ที่ความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลายคนอาจจะมองว่าความเร็วที่กำหนดนั้นน้อยเกินไป หากขับรถตามที่ว่านั้นจริงก็คงจะทำให้รถช้ามาก ไม่ต้องไปไหนกันพอดี แต่ความจริงแล้ว ความเร็วที่กำหนดมานั้นผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว อย่าลืมว่ายิ่งเราขับรถเร็วเท่าไร โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย ยิ่งเร็วยิ่งบาดเจ็บหนัก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจึงต้องมีการกำหนดความเร็ว พร้อมบทลงโทษเอาไว้ตามนี้
ทางหลวงพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่กำหนดนั้น เป็นเพียงแค่สำหรับทางหลวงชนบท ถนนทั่วไปเท่านั้น หากเป็นถนนพิเศษ เส้นทางพิเศษ จะมีการจำกัดความเร็วแตกต่างออกไป นั่นคือจะปล่อยให้เราขับรถเร็วขึ้นได้อีกนิดหนึ่ง อย่างเช่น ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ทางหลวงสายกรุงเทพฯ-พัทยา และ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (หรือที่เรารู้จักกันในนามถนนกาญจนาภิเษก) ถนนกลุ่มนี้จะปรับให้เราใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับรถบรรทุก และ รถยนต์เพิ่มได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามแม้จะมีความเร็วมากขึ้นแต่ก็ต้องระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้นตามไปด้วย
บทลงโทษของการขับขี่รถเร็ว
อย่างที่บอกไปว่าต้องมีการกำหนดความเร็วเอาไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดได้บนท้องถนน นอกจากจะกำหนดไว้แล้วยังต้องมีการกำหนดบทลงโทษเอาไว้ด้วย โดยบทลงโทษก็คือ โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตามมาตรา 152
โทษจับปรับทั้งตั้งด่าน และ ด่านกล้อง
การจับปรับรถที่ขับขี่ความเร็วเกินกำหนดนั้น มีการจับเทียบปรับอยู่สองแบบ หนึ่งเลยเป็นการเทียบจับปรับจากการตั้งด่าน จนถึงเห็นความผิดตรงหน้า ลักษณะนี้ตำรวจจะสังเกตการณ์ก่อนระยะด่านตรวจจากนั้นหากมีรถคันไหนขับเร็วเกินกำหนด ก็จะบอกด่านด้านหน้าให้จับแล้วเสียเทียบปรับ สองการจับเทียบปรับจากกล้อง วิธีนี้ทางการจะติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วตามจุดต่างๆ หากพบรถยนต์ที่ขับขี่เร็วเกินกำหนด ก็จะถ่ายภาพเอาไว้ จากนั้นก็เอาภาพดังกล่าวส่งจดหมายไปทางบ้านเพื่อเป็นหลักฐานในการเปรียบเทียบปรับ ให้เราไปเสียค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจ
ไม่จ่ายค่าปรับทำได้หรือไม่
แต่เดิมนั้นจะมีความเชื่อส่งต่อมากันแบบผิดๆว่า แม้ว่าเราจะมีความผิดฐานขับขี่รถเร็ว เราก็ไม่ต้องไปจ่ายเงินค่าปรับก็ได้ รอให้ครบปีก่อนค่อยไปเสียทีเดียว หรือไม่ต้องจ่ายเลยก็ได้เหมือนกัน ที่เชื่อกันแบบนี้เพราะว่าแม้จะมีโทษปรับแต่เราก็ยังสามารถต่อใบขับขี่รถยนต์ได้เหมือนเดิม แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ทางกรมขนส่งได้เชื่อมโยงข้อมูลกับตำรวจแล้วเรียบร้อย ทำให้กรมขนส่งทุกแห่งมีข้อมูลคนที่ขับรถเร็วทั้งหมด หากเวลาเราไปต่อแล้วเช็คฐานข้อมูลเจอเราก็จะไม่สามารถต่อทะเบียน ต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ได้ นอกจากนั้นหากเราจ่ายค่าปรับช้า เราจะต้องจ่ายค่าปรับอีกจำนวนหนึ่งด้วย หากไม่อยากเสียเงินเพิ่มขอแนะนำให้เสียค่าปรับให้เรียบร้อยดีกว่า แต่ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนดดีที่สุด